การจัดโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังช่วยลดความเครียดและอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆ อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับพื้นที่ทำงานให้สมบูรณ์แบบ เพื่อบูสต์เอนเนอจี้ในการทำงาน บทความนี้จะช่วยคุณได้เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างมากเลยล่ะ!

1. เลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เหมาะสม

•  ความสูงของโต๊ะทำงาน

ความสูงของโต๊ะทำงานควรอยู่ระหว่าง 70-75 ซม. หรือปรับให้เหมาะกับความสูงของคุณ โต๊ะที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ไหล่ และคอได้ หากเป็นไปได้ ให้เลือกโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อความยืดหยุ่นในการทำงานและการดูแลสุขภาพสรีระ

• เก้าอี้ทำงานที่รองรับสรีระ

เก้าอี้ที่ดีควรมีคุณสมบัติรองรับสรีระของผู้นั่ง สามารถปรับระดับความสูงได้ และมีพนักพิงที่รองรับส่วนโค้งของหลัง โดยเฉพาะบริเวณเอว (Lumbar Support) พนักพิงควรเอนได้เล็กน้อยเพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย นอกจากนี้ ควรมีที่วางแขนเพื่อช่วยลดแรงกดที่ไหล่

2. จัดวางจอมอนิเตอร์ให้ถูกต้อง

• ระดับสายตาที่เหมาะสม

จอมอนิเตอร์ควรอยู่ในระดับที่สายตาของคุณมองตรงไปขอบบนของหน้าจอโดยไม่ต้องก้มเงย ตำแหน่งนี้ช่วยลดแรงกดดันที่คอและหลัง ปรับความเอียงของจอประมาณ 10-20 องศาเพื่อให้สบายตาและลดแสงสะท้อนจากจอ

•  ระยะห่างที่เหมาะสม

จอมอนิเตอร์ควรอยู่ห่างจากสายตาประมาณ 50-70 ซม. หรือประมาณความยาวแขนที่ยืดออกไป หากใช้จอขนาดใหญ่ เช่น 27 นิ้วขึ้นไป อาจเพิ่มระยะห่างออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าของดวงตา

3. การจัดวางคีย์บอร์ดและที่รองเมาส์

• ตำแหน่งคีย์บอร์ด

วางคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับเดียวกับข้อศอกของคุณ หรือให้แขนตั้งฉาก 90 องศา ควรเว้นระยะจากขอบโต๊ะประมาณ 10-15 ซม. เพื่อให้ข้อมือสามารถวางพักได้

• ใช้ที่รองเมาส์อย่างเหมาะสม

การใช้แผ่นรองข้อมือช่วยให้ข้อมือไม่งอมากเกินไป ลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรม การเลือกใช้เมาส์ที่เหมาะสม เช่น เมาส์แบบแนวตั้ง (Vertical Mouse) ก็ช่วยให้จับได้สบายและลดการบิดข้อมือ

4. จัดแสงสว่างให้เหมาะสม

•  แสงธรรมชาติ

การทำงานใกล้หน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติส่องถึงช่วยให้ดวงตาผ่อนคลายและลดความเครียด แสงจากธรรมชาติยังช่วยเพิ่มสมาธิและลดอาการอ่อนล้าระหว่างวัน แต่ควรจัดจอมอนิเตอร์ให้หันด้านข้างแทนที่จะหันตรงกับแสงเพื่อป้องกันแสงสะท้อน

•  โคมไฟโต๊ะทำงาน

เลือกโคมไฟที่มีแสงสีขาวนวลหรือแสง Daylight ซึ่งใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ แสงที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานยาวนานไม่ส่งผลเสียต่อดวงตา นอกจากนี้ การใช้โคมไฟที่สามารถปรับระดับความสว่างได้จะช่วยให้คุณปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้

5. จัดการสายไฟให้เป็นระเบียบ

•  ใช้อุปกรณ์จัดเก็บสายไฟ

ใช้คลิปเก็บสายไฟหรือรางเก็บสายไฟเพื่อจัดระเบียบไม่ให้สายพันกันยุ่งเหยิง การมีสายไฟรกบนโต๊ะอาจทำให้ดูไม่น่าทำงาน และยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการสะดุดล้มได้

6. ตกแต่งโต๊ะทำงานเพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ

•  ต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะ

การวางต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะ เช่น ต้นลิ้นมังกร, ไม้ฟอกอากาศ หรือกระบองเพชร ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูสดชื่นและผ่อนคลาย ต้นไม้เหล่านี้ยังช่วยฟอกอากาศและเพิ่มความรู้สึกสงบในขณะทำงาน

•  อุปกรณ์เสริมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ

ภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยว ครอบคัว, คำคม หรือวัตถุที่มีความหมายกับคุณสามารถช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

7. รักษาความสะอาดบนโต๊ะเสมอ

•  จัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นอยู่เสมอ

จัดระเบียบและทำความสะอาดโต๊ะทำงานทุกสัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค โต๊ะที่สะอาดช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิมากขึ้น หมั่นจัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นบนโต๊ะทำให้พื้นที่ทำงานดูรกและลดประสิทธิภาพการทำงาน คุณควรพยายามจัดเก็บเอกสารหรือของใช้อื่นๆ ที่ไม่จำเป็นลงในลิ้นชักหรือชั้นวาง

การจัดโต๊ะคอมให้เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ การลงทุนเวลาจัดโต๊ะทำงานเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น! หรือหากคุณกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดและราคาให้บริการได้ที่ Bluuu Price

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Thossaporn K.

     ห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องสีดำมีข้อดีคือช่วยบดบังสายตาจากคราบสกปรกได้ แต่หากใช้ไปนานๆกระเบื้องก็มีคราบขาวไม่เงาสวยเหมือนเดิม อีกมุมหนึ่งการปูกระเบื้องสีดำ หากไม่ดูแลใส่ใจเรื่องการทำความสะอาด ไม่เข้าใจวิธีการทำความสะอาด หรือไม่ได้ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ถูกต้อง กระเบื้องสีดำอาจเป็นคราบ ซึ่งมองเห็นได้ชัดกว่ากระเบื้องสีขาว และดูสกปรกกว่านั่นเอง

 บ้านที่ปูกระเบื้องสีดำในห้องน้ำ ส่วนมากจะเจอปัญหากระเบื้องเป็นคราบตะกรันสีขาวๆ อาจเกิดจากคราบสบู่ หรือคราบหินปูนที่เกิดจากน้ำ จากห้องน้ำที่ดูสะอาดกลายเป็นสกปรกขึ้นมาทันที

ทำอย่างไรถึงจะลดการเกิดคราบขาวบนกระเบื้องสีดำ ?

กระเบื้องสีดำ ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน 

มีพ่อบ้านแม่บ้านหลายๆท่านแนะนำให้ล้างห้องน้ำที่ปูกระเบื้องสีดำด้วยน้ำยาล้างจาน ซึ่งน้ำยาล้างจานมีค่า PH เป็นด่าง ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยากัดกร่อนพื้นผิวนั่นเอง ทำให้พื้นผิวกระเบื้องที่ถูกเคลือบมาไม่โดนทำลาย 

โดยจะใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำเล็กน้อย ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขนอ่อนชุบน้ำยา นำไปขัดบริเวณที่เป็นคราบ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งและลงน้ำมันเช็ดเคลือบอีกครั้ง

กระเบื้องสีดำ ล้างด้วยผงซักฟอกธรรมดาหรือน้ำยาล้างห้องน้ำชนิดที่ไม่ผสมกรดกัดกร่อน

นอกจากล้างด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ยังสามารถทำความสะอาดกระเบื้องสีดำด้วยผงซักฟอกและน้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่กัดกร่อน โดยสามารถเลือกใช้ยี่ห้อที่เป็นแบบออร์แกนิกได้เช่นกัน แต่ผู้ใช้งานควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนใช้งาน 

นอกจากนี้การทำความสะอาดกระเบื่องสีดำ ยังสามารถใช้น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาอเนกประสงค์เฉพาะกลุ่ม ที่ไม่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

ขอแนะนำที่สำคัญสำหรับการดูแลกระเบื้องสีดำ

• ควรใช้แปรงขนอ่อน ฟองน้ำหรือผ้าเช็ด ห้ามนำแปรงที่ขนแข็งๆ อย่างฝอยขัดหม้อ แปรงทองเหลือง มาขัดเด็ดขาด เพราะจะเป็นรอยถาวรและพื้นกระเบื้องสึกหรอเร็ว 

• กระเบื้องสีดำ “ห้ามลงน้ำยาที่เป็นกรด” เด็ดขาด  ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีความเป็นกรดสูงล้างห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องสีดำ ควรระวังเป็นพิเศษ หากคุณปูกระเบื้องที่มีสีเข้ม เพราะความเป็นกรดอาจไปกัดเซาะหินปูนได้ก็จริงแต่ก็เสี่ยงที่กระเบื้องจะสึกหรอเร็วและเกิดเป็นคราบด่างตามมา ซึ่งน้ำยาล้างห้องน้ำบางชนิดเหมาะกับสุขภัณฑ์ที่มีสีขาว ไม่เหมาะกับสุขภัณฑ์ที่มีสีเข้ม

• รอยด่างสีขาวบนผนังแก้ได้ด้วย “น้ำมัน” หากบริเวณผนังที่เป็นกระเบื้องหรือหินอ่อนสีดำ เกิดรอยด่างจากการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือคราบสีขาวที่เกิดจากสบู่หรือหินปุนก็ตาม หลังจากล้างด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ให้เช็ดน้ำมันทิ้งไว้ อาจใช้น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก หรือเบบี้ออย ช่วยเคลือบผิวนั่นเอง นี่เป็นอีกวิธีที่ผู้ประสบปัญหาได้แนะนำและใช้แล้วได้ผล แต่ควรทาเคลือบไว้ทุกๆ 2 สัปดาห์ 

• เคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วย “น้ำยาขัดยางดำรถยนต์” นอกจากการเคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วยน้ำมันแล้วอีกวิธีหนึ่งคือการเคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วยน้ำยาเคลือบยางดำขัดรถยนต์ เพราะน้ำยาขัดยางรถยนต์เป็นสีดำเงา น้ำไม่ค่อยเกาะ ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย แต่ใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลองขัดเริ่มจากพื้นที่เล็กๆ หากเป็นที่พอใจค่อยขยายพื้นที่ในการเช็ดได้ค่ะ ควรใช้น้ำยาเคลือบทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งข้อแนะนำสำหรับคนที่เคยเจอปัญหานี้มาแล้วใช้ได้ผล

• ใช้ที่รีดน้ำทุกครั้ง สิ่งสำคัญหลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังอาบน้ำควรเช็ดคราบน้ำหรือคราบสบู่ให้แห้งทุกครั้ง ไม่ปล่อยให้กระเบื้องแห้งเอง เพราะจะทำให่เกิดคราบน้ำบนกระเบื้องได้ แนะนำให้รีดน้ำออกทุกครั้งด้วยที่รีดน้ำ ราคาหลักสิบ หาซื้อได้ตามซุปเปร์มาร์เก็ตทั่วไป

•  ใช้ฟองน้ำนาโนหรือฟองน้ำมหัศจรรย์ เป็นฟองน้ำที่พูดถึงกันอย่างมากมายในวงการแม่บ้าน สามารถใช้ในการขัดคราบขาวบนกระเบื้องสีดำได้ โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำเล็กน้อยนำมาเช็ดบริเวณที่เป็นคราบ อย่าออกแรงหนักจนเกินไป แล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง และทาน้ำมันเคลือบอีกชั้น

• ใช้ระบบกรองหินปูน หากบ้านอยู่ต่างจังหวัดหรือเป็นเขตพื้นที่ที่น้ำมีหินปูน หรือใช้น้ำบาดาล ควรติดเครื่องระบบกรองหินปูนก่อนน้ำเข้าตัวบ้าน หากมีงบน้อยอาจติดเครื่องกรองน้ำ กรองหินปูน แค่เพียงเฉพาะในห้องน้ำได้ หรือถ้าต้องการประหยัดกว่านั้น สามารถใช้ที่กรองฝักบัวแทนได้

มีหลายคนที่เลือกปูกระเบื้องสีดำในห้องน้ำแล้วผิดหวังที่เจอปัญหาคราบขาวเป็นด่าง ดูไม่น่ามอง หากเรารู้วิธีทำความสะอาดอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ ห้องน้ำคุณจะกลับมาสะอาดสดใสอีกครั้งเมื่อคุณดูแลอย่างถูกวิธีค่ะ อย่าลืมนำวิธีที่เราแนะนำไปใช้นะคะ 

หรือหากคุณกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมง เป็นผู้ช่วยรู้ใจในการทำความสะอาด สามารถอ่านรายละเอียดขอบเขตการทำงานและค่าบริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Uthaiwan.B

หากพูดถึงงานบ้านในครัวแล้ว นอกจากทำกับข้าวก็การล้างจานนี่แหละค่ะ บ้านไหนที่สมาชิกในบ้านพกกล่องข้าวไปทานที่โรงเรียนหรือที่ทำงานแล้วล่ะก็ การล้างกล่องข้าวพลาสติกเป็นปัญหากวนใจของเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านแน่นอน เพราะหากไม่รู้เคล็ดลับหรือวิธีล้างอย่างถูกต้อง คราบมัน คราบสกปรกก็ยังคงอยู่และอาจก่อให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรียตามมานั่นเอง 

ถ้าจะให้ล้างกล่องข้าวหรือกล่องพลาสติกที่มีคราบมันเยอะๆ บางคนถึงกับส่ายหน้าและยอมทิ้งกล่องไปดีกว่า แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ วันนี้ทีมแม่บ้าน Bluuu มีเคล็ดลับการทำความสะอาดกล่องข้าวพลาสติกมาฝากกัน รับรองว่าปัญหาที่เจอจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป แม้คราบจะสกปรกหรือมันขนาดไหน รับรองว่าเอาอยู่แน่นอน

วัตถุดิบที่หาง่ายในบ้าน สามารถช่วยกำจัดคราบมันในกล่องพลาสติกได้มีหลายอย่าง แต่ก่อนที่เราจะทำการล้างกล่องพลาสติกนั้น ควรทิ้งเศษอาหารภายในกล่องให้หมดก่อน และใช้ทิชชู่เช็ดคราบออกก่อนสัก 1 รอบ แล้วจึงนำไปล้าง

1. เกลือ : เกลือเป็นตัวช่วยสำคัญในการล้างคราบมันบนกล่องข้าวพลาสติกได้ดี เพราะเนื่องจากพื้นผิวของพลาสติกเป็นรูเล็กๆทำให้น้ำมันเข้าไปเกาะได้ดี การเติมเกลือที่มีอนุภาคเล็กๆลงไป จะไปช่วยให้น้ำยาล้างจานเข้าไปขจัดคราบบนผิวของพลาสติกได้นั่นเอง 

1.1 ใส่เกลือ 1 ช้อนชาลงในกล่องข้าว พร้อมกับน้ำยาล้างจาน 1 ปั๊ม ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย ปิดฝากล่อง และเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันให้ทั่วทั้งกล่อง เสร็จแล้วเปิดฝาแล้วใช้ฟองน้ำล้างปกติ จะเห็นได้ว่าคราบมันลดลงกว่าตอนที่ใช้น้ำยาล้างจานแค่อย่างเดียว

1.2 ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ลงบนฟองน้ำที่ชุบน้ำมาหมาดๆ พร้อมกับน้ำยาล้างจาน 1 ปั๊ม ใช้ฟองน้ำถูลงบนกล่องข้าวที่มีคราบมัน วิธีนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยนำไปล้างบริเวณฝากล่อง และอย่าลืมแกะยางที่ฝากล่องออกมาล้างหากเป็นกล่องแบบสุญญากาศ

2. เบกกิ้งโซดา : นอกจากใช้เกลือแล้ว ยังสามารถใช้เบกกิ้งโซดาได้เช่นกัน เพราะมีฤทธิ์เป็นด่าง สามารถขจัดความมันได้ อีกทั้งยังมีอนุภาคเล็ก สามารถช่วยเข้าไปกำจัดคราบมันบนพื้นผิวกล่องพลาสติกได้เป็นอย่างดี ทั้งเกลือและเบกกิ้งโซดาสามารถใช้ทดแทนกันได้

2.1 ใส่เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาลงในกล่องข้าว พร้อมกับน้ำยาล้างจาน 1 ปั๊ม ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย ปิดฝากล่องและเขย่าให้เข้ากัน อาจแช่ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยมาล้างด้วยฟองน้ำปกติ เสร็จแล้วผึ่งให้แห้ง แล้วจัดเก็บ

2.2 เทเบกกิ้งโซดาบนฟองน้ำล้างจาน 1 ช้อนชา ตามด้วยน้ำยาล้างจาน 1 ปั๊ม ใช้ฟองน้ำถูกล่องและฝากล่อง โดยเบกกิ้งโซดาที่ฤทธิ์เป็นด่างและมีโมเลกุลขนาดเล็กจะเข้าไปทำความสะอาดคราบมันบนกล่องพลาสติกได้

3. น้ำส้มสายชู : น้ำสมสายชูเป็ดกรดเช่นเดียวกับมะนาว สามารถช่วยกำจัดคราบมันบนกล่องพลาสติกได้เป็นอย่างดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

3.1 เทน้ำส้มสายชูใน 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1/3 ของกล่องข้าว ปิดฝาแล้วเขย่าให้เข้ากัน แช่ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงก่อนนำมาล้างด้วยน้ำยาล้างจาน คว่ำไว้ให้แห้งสนิทแล้วนำไปจัดเก็บ 

กล่องพลาสติกมีกลิ่นติดอยู่ ทำอย่างไรดี ?

ปกติแล้วพื้นผิวของพลาสติกนอกจากคราบความมันแล้วกลิ่นก็ยังสามารถติดอยู่ได้ ต่างจากแก้วหรือโลหะนั่นเอง เรามีข้อแนะนำดีๆดังนี้

• เมื่อใช้งานเสร็จไม่ควรทิ้งไว้ข้ามคืน ควรล้างทันที
• ไม่ใส่อาหารที่เป็นแกงกะทิหรือมีกลิ่นแรงๆแล้วนำเข้าไมโครเวฟ
• ใช้น้ำร้อนลวกกล่องข้าวทุกครั้งหลังทำความสะอาด
• เลือกใช้กล่องพลาสติกที่มีคุณภาพ BPA Free 
• นำกระดาษทิชชู่ใส่ลงในกล่องข้าวแล้วปิดฝา เนื่องจากกระดาษทิชชู่ช่วยดูดซับกลิ่นได้ดี
• ควรมีกล่องข้าวมากกว่า 1 กล่อง มี 2-3 กล่องเพื่อสลับการใช้งาน 
• ใช้กล่องที่เป็นแก้วหรือสแตนเลสแทนกล่องพลาสติก คราบมันล้างออกง่ายและกลิ่นไม่ติด

วิธีเหล่านี้นอกจากจะใช้กับกล่องข้าวพลาสติกแล้ว ยังสามารถใช้กับถ้วยชามที่เป็นพลาสติก หรือเครื่องใช้ในครัวได้อีกด้วย นอกจากจะสบายแรงขึ้นแล้ว ยังมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ พ่อบ้านแม่บ้านอย่าลืมลองใช้วิธีที่เราแนะนำกันนะคะ รับรองว่าติดใจแน่นอน 

หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน และกำลังมองหาผู้ช่วยในการทำความสะอาดบ้าน แม่บ้านรายวัน หรือแม่บ้านรายชั่วโมง เราช่วยคุณได้ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ของเรา 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Uthaiwan B.

แม่บ้านที่ต้องทำอาหารทุกวัน คงหนีไม่พ้นที่ต้องเจอกับปัญหาก้นหม้อหรือกระทะมีคราบดำหลังจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน คราบดำที่กระทะจะขัดค่อนข้างยากเพราะเป็นคราบฝังลึกที่ติดแน่นมาก หากขัดกระทะไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้กระทะสึกกร่อนและกระทะเองก็จะมีระยะเวลาในการใช้งานที่น้อยลงตามไปด้วย วันนี้แม่บ้านเลยจะต้องมาบอกเคล็ดลับการขัดคราบดำกระทะให้สะอาดเหมือนได้กระทะใหม่จะทำได้ยังไงไปดูเลย

ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์

ให้เตรียมไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดภายในบ้านหรือล้างแผล นำกระทะที่มีคราบดำเทราดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ให้ทั่วคราบดำ หลังจากนั้นนำฟองน้ำมาขัดให้ทั่วอาจจะต้องออกแรงขัดเล็กน้อย หากคราบดำฝังแน่นมากแนะนำให้ใช้เบกกิ้งโซดาเทลงบนคราบดำเพราะจะช่วยให้คราบดำออกง่ายขึ้น ขัดถูวนๆ เมื่อคราบดำออกหมดหรือให้ล้างกระทะด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติให้สะอาด และนำไปใช้งานได้ตามเหมือนเดิม

ผงซักฟอก+เบกกิ้งโซดา

ขั้นตอนนี้ไม่ยาก เตรียมกระทะเทน้ำยาล้างจานลงบนคราบดำให้ทั่ว หลังจากนั้นเทผงซักฟอกและเบกกิ้งโซดาให้ทั่วเช่นกัน แล้วใช้เป็นแปรงขัดหรือฝอยขัดหม้อออกแรงขัดถูไปเรื่อยๆ จนทั่วคราบดำ แล้วใช้กระดาษทิชชูอเนกประสงค์แผ่นใหญ่นำมาแปะไว้ในบริเวณที่มีน้ำยาที่ขัดทิ้งไว้และราดด้วยน้ำส้มสายชูลงบนกระดาษ และปล่อยทิ้งประมาณ 20-30 นาที หลังจากนั้นก็ใช้ฝอยขัดหม้อขัดซ้ำอีกครั้ง เพียงแค่นี้คราบดำที่ติดกระทะก็สามารถขัดออกได้ง่ายๆ 

ผลิตภัณฑ์ขัดคราบดำ

หากใครไม่ชอบการเตรียมของให้ยุ่งยาก ทางลัดที่จะช่วยให้คุณขัดคราบดำในกระทะออกได้ง่ายที่สุดก็คงจะเป็น ผลิตภัณฑ์ขัดคราบดำกระทะที่เป็นแบบเนื้อครีม เพียงแค่นำกระทะไปแช่น้ำแล้วทาครีมขัดคราบดำทิ้งไว้ 15-30 นาที ใช้ฟองน้ำหรือฝอยขัดหม้อ ขัดทำความสะอาดและล้างออกด้วยน้ำเปล่าแนะนำให้ใช้ถุงมือระหว่างการใช้งานสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย วิธีนี้ก็ช่วยลดเวลาและไม่เหนื่อยออกแรงขัดมากนัก อย่าลืมทำความสะอาดกระทะที่มีคราบครีมขัดให้สะอาดก่อนนำกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง

ยาสีฟัน+เบกกิ้งโซดา

อุปกรณ์ง่ายๆเพียง 2 อย่างให้นำยาสีฟันมาบีบลงบริเวณที่มีคราบดำของกระทะให้ทั่ว หลังจากนั้นเทเบกกิ้งโซดาทับลงไปบนยาสีฟันและนำน้ำส้มสายชูมาราดให้ทั่วคราบดำ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที นำฝอยขัดหม้อมาขัดถูวนๆไปจนกว่าจะสะอาด อาจจะต้องใช้เวลาสักพักและออกแรงขัดนิดหน่อย แต่ผลลัทธ์รับรองว่าคราบดำกระทะออกได้อย่างน่าพอใจแน่นอน

น้ำส้มสายชู+น้ำยาล้างจาน

นำน้ำยาล้างจานมาเทราดบริเวณที่มีคราบดำกระทะ แล้วนำกระดาษทิชชูอเนกประสงค์แผ่นใหญ่ชุบกับน้ำส้มสายชูให้เปียกชุ่ม หลังจากนั้นนำกระดาษที่ชุบน้ำส้มสายชูไปแปะทับบริเวณที่ราดน้ำยาล้างจาน แปะกระดาษทิ้งไว้ 15-20 นาที แต่หากคราบหนาก็ให้ใช้เวลาทิ้งไว้นานขึ้น เมื่อครบเวลาและนำแปรงขัดหรือฝอยขัดหม้อมาขัดถูคราบดำจนกว่าจะออกหมดหรือสะอาดขึ้น เมื่อคราบดำออกจนพอใจให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด 

เมื่อใช้งานกระทะทุกครั้งควรทำความสะอาดกระทะทันทีหลังการใช้งานเพื่อลดการสะสมของคราบดำ การขัดกระทะหากเป็นกระทะที่มีสารเคลือบ เช่น กระทะเทฟล่อน ให้หลีกเลี่ยงการใช้ฝอยขัดแบบหยาบ ป้องกันไม่ให้เกิดการขูดทำลายวัสดุของกระทะ หากเป็นกระทะเทฟล่อนก็อย่าลืม ดูแลกระทะเทฟล่อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน สำหรับใครที่สนใจจ้างแม่บ้าน Bluuu ไปช่วยทำความสะอาดบ้านหรือจะล้างจานก็ได้ในราคามิตรภาพ จองง่าย แม่บ้านคุณภาพดี กดจองได้เลย หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับแม่บ้าน Bluuu นะคะ 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Nannicha P.

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคาเฟ่สวย ๆ ที่ตกแต่งเก๋ไก๋และมีมุมถ่ายรูปเพียบ เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชอบนั่งชิลล์ ถ่ายรูปเช็กอิน และอัปโหลดลงโซเชียล หากคุณกำลังมองหาคาเฟ่ฮิต ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์ของวัยรุ่น บทความนี้ได้รวบรวม 7 คาเฟ่ยอดฮิตรอบกรุงเทพฯ ที่คุณไม่ควรพลาด!

1. Cafe Kitsuné

เป็นแบรนด์คาเฟ่ที่มีต้นกำเนิดจาก Maison Kitsuné ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์สัญชาติฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น  พร้อมมุมถ่ายรูปสุดชิคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์แฟชั่นของตัวแบรนด์เอง สัญลักษณ์ของแบรนด์คือ “จิ้งจอก” (Kitsuné ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าจิ้งจอก) ซึ่งเป็นตัวแทนของความฉลาด ความลึกลับ และการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศอบอุ่นเหมาะกับการนั่งจิบกาแฟไปพร้อมกับการถ่ายรูปสวย ๆ ลงอินสตาแกรม

• พิกัด: The EmQuartier ชั้น G
• ไฮไลต์: Fox Latte, Japanese Cheesecake
• Café Kitsuné EmQuartier

2. Unbirthday Cafe

เป็นคาเฟ่ในกรุงเทพฯ ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่สดใสและการตกแต่งในสไตล์มินิมอล-โบฮีเมียน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง คาเฟ่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของการเฉลิมฉลอง "วันธรรมดา" (Unbirthday) ซึ่งมาจากวรรณกรรมชื่อดัง Alice's Adventures in Wonderland ที่สื่อถึงความสุขและความสนุกในทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่วันพิเศษเท่านั้น ตกแต่งด้วยสีสันสดใสและบรรยากาศสนุกสนาน มีเค้กและขนมหวานหน้าตาน่ารัก พร้อมมุมถ่ายรูปสุดคิ้วท์ เหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบความสดใสและมีชีวิตชีวา

• พิกัด: ซอยเอกมัย 10
• ไฮไลต์: Dirty Coffee, Redvelvet cake
• Unbirthday Cafe

3. Blue Whale Cafe

คาเฟ่สีฟ้าสุดฮิปในย่านพระนครที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งในธีมท้องทะเล พร้อมเมนูเครื่องดื่มสีน้ำเงินสุดเก๋ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่และมุมถ่ายรูปที่ไม่ซ้ำใคร

• พิกัด: ซอยแพร่งภูธร, ย่านพระนคร
• ไฮไลต์: Blue Latte
• Blue Whale Local Eatery

4. One Ounce for Onion

คาเฟ่สไตล์อินดัสเทรียลที่ใช้วัสดุอย่างปูนเปลือย เหล็ก และไม้ ตั้งอยู่ในย่านเอกมัย แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น มีเมนูกาแฟรสชาติดีและอาหารจานเด็ดที่ตอบโจทย์วัยรุ่นสายฮิปสเตอร์

• พิกัด: ซอยเอกมัย 12
• ไฮไลต์: flat white 
• One Ounce for Onion

5. Lhong Tou Cafe

หลงโถว คาเฟ่ คาเฟ่จีนสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่นั่งแบบ 2 ชั้น (หลงโถว คาเฟ่) โดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบจีนโมเดิร์น และการออกแบบพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีโทนสีแดง ทอง และไม้ที่อบอุ่น คาเฟ่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีนผสมผสานกับความทันสมัย และมีเมนูที่นำเสนอรสชาติและวัฒนธรรมจีนแบบร่วมสมัย ทำให้เป็นจุดหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นที่มองหาประสบการณ์แปลกใหม่

สร้างความแปลกใหม่และสนุกสนาน เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชอบบรรยากาศแบบจีนร่วมสมัย พร้อมอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ฮ่องกง

• พิกัด: เยาวราช
• ไฮไลต์: เครมบรูเล่ชาจีน, ชาจีน
• Lhong Tou Cafe at Yaowarat

6. Sretsis Parlour

คาเฟ่สุดหรูในธีมเทพนิยายที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์วินเทจสุดอลังการ เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชอบความหรูหราและความแฟนตาซี ใช้โทนสีพาสเทล เช่น ชมพู ฟ้า และสีทอง ตกแต่งด้วยดอกไม้และลวดลายที่สื่อถึงโลกในจินตนาการ พร้อมเมนูขนมและเครื่องดื่มที่สวยงามจนแทบไม่กล้ากินเลยทีเดียว

• พิกัด: Central Embassy ชั้น 2
• ไฮไลต์: ชาซิกเนเจอร์ที่เสิร์ฟพร้อมเซ็ตชาแบบหรูหรา,ชาสมุนไพรสีพาสเทล
• Sretsis Parlour

7. Cha Bar BKK

คาเฟ่ชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพ ที่มีแนวคิดแตกต่างจากร้านชานมทั่วไป โดยเน้นความใส่ใจในสุขภาพและการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง คาเฟ่นี้นำเสนอชานมไข่มุกในรูปแบบที่ลดน้ำตาล ใช้ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไข่มุกที่ทำจากธัญพืช ตกแต่งสไตล์มินิมอลสุดเท่ เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่รักสุขภาพแต่ยังคงชื่นชอบความหวานอยู่ มีมุมถ่ายรูปเรียบ ๆ แต่ดูดี ใช้โทนสีขาวและสีไม้ธรรมชาติ

• พิกัด: สยามสแควร์ ซอย 5
• ไฮไลต์: Cha Bar Classic, Matcha Latte
• CHA BAR BKK | Lido Connect

แต่ละคาเฟ่ที่แนะนำมานั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของการตกแต่ง บรรยากาศ และเมนูอาหารเครื่องดื่ม รับรองว่าเมื่อไปแวะเที่ยวชมแล้วจะต้องได้รูปสวยๆ และประสบการณ์ใหม่ๆ กลับมาแน่นอน อย่าลืมชวนเพื่อนหรือคนรู้ใจไปเที่ยวด้วยกัน แล้วสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษของคาเฟ่รอบกรุงเทพนี้กัน! หรือหากคุณกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดและราคาให้บริการได้ที่ Bluuu Price

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Thossaporn K.

หากมีไม้กายสิทธิ์ที่ช่วยให้คุณค้นหาแม่บ้านที่มีคุณภาพดีที่สุดได้ก่อนจะจองออนไลน์ คุณจะอยากใช้ไหม? หากใช่ โปรดอ่านต่อ เพราะผมจะอธิบายว่าคุณสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องยาก ผมคิดว่าคุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่และเป็นประโยชน์ เพราะผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย และเคยสัมภาษณ์แม่บ้านมาแล้วหลายพันคน ฝึกอบรมแม่บ้านหลายร้อยคน และแบนแม่บ้านไปนับไม่ถ้วน ดังนั้น ผมจึงบอกได้ว่าผมมีประสบการณ์ในด้านนี้ และอาจเป็นหนึ่งในผู้มีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อนี้มากที่สุดในประเทศไทยก็ได้!

1. อย่าใช้บริการแม่บ้านออนไลน์ที่ไม่ให้คุณเลือกแม่บ้าน

ประการแรก มีบริการแม่บ้านออนไลน์มากมายที่ไม่ให้คุณเลือกแม่บ้านด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมไม่แนะนำให้ใช้บริการ เพราะไม่ใช่แค่ว่าการจะได้แม่บ้านดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชค แต่ยังหมายถึงคุณภาพของแม่บ้านโดยรวมจะต่ำมากด้วย เพราะถ้าลูกค้าไม่สามารถเลือกแม่บ้านได้ แม่บ้านที่ดีและแม่บ้านที่แย่จะได้รับงานเท่าๆ กัน ดังนั้นจึงไม่มีแรงจูงใจให้แม่บ้านปรับปรุงและให้บริการดี ไม่ว่าจะขี้เกียจมากหรือทำงานหนักแค่ไหน พวกเขาก็จะได้รับค่าจ้างเท่ากัน ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ แม่บ้านที่ดีจะออกจากแพลตฟอร์มเหล่านี้และเข้าร่วมแพลตฟอร์มเช่นของเราที่ให้แม่บ้านที่ทำงานได้ดีกว่าได้งานมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาสามารถหารายได้ได้มากกว่า ดังนั้น ไม่ใช่แค่ว่ามันขึ้นอยู่กับโชคที่ได้แม่บ้านที่ดี แต่ยังมีแม่บ้านที่ทำงานแย่จำนวนมากอีกด้วยบนแพลตฟอร์มแบบนั้น ดังนั้น โอกาสที่จะได้แม่บ้านที่แย่จึงยิ่งสูงขึ้น ดังนั้น อย่าใช้เว็บไซต์ที่ไม่ให้คุณเลือกแม่บ้านเลย แต่น่าแปลกใจที่บริการแม่บ้านออนไลน์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ให้คุณเลือกแม่บ้าน

2. คะแนนเฉลี่ยของแม่บ้านไม่ได้มีประโยชน์มากนัก

สมมติว่าคุณพบเว็บไซต์ที่ให้คุณเลือกแม่บ้านหลังจากดูโปรไฟล์แล้ว คนส่วนใหญ่จะดูจากคะแนนเฉลี่ย โดยปกติแล้วระบบการให้คะแนน 5 คะแนน และลูกค้าจะพยายามเลือกแม่บ้านที่มีคะแนนเฉลี่ยสูง ซึ่งอยู่ระหว่าง 4.8-5.0 คะแนนเหล่านี้มีประโยชน์ในการคัดแม่บ้านที่แย่ เช่น แม่บ้านที่มีคะแนนต่ำกว่าหรือประมาณ 4.0 คะแนน แต่คะแนนเฉลี่ยไม่ได้ช่วยให้คุณเลือกแม่บ้านที่มีผลงานดีที่สุดได้ เพราะแม่บ้านที่มีคะแนนเฉลี่ย 5.0 ก็ยังอาจจะไม่น่าประทับใจมากนัก หลังจากผมดูแลแม่บ้านหลายร้อยคนบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเรียนรู้ว่าแม่บ้านบางคนที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงหรือแม้กระทั่งคะแนนเต็ม 5.0 ก็ไม่ได้มีลูกค้าประจำ เมื่อผมดูว่าแม่บ้านเหล่านี้เป็นแบบไหน แม่บ้านเหล่านี้มักจะมีบุคลิกที่น่ารัก สุภาพ ตรงต่อเวลา แต่ทักษะการทำความสะอาดไม่ได้โดดเด่นมาก แม่บ้านเหล่านี้อาจได้ 5 ดาว แต่ลูกค้าไม่กี่คนจะจองซ้ำ ดังนั้นคะแนนเฉลี่ยสามารถบอกได้ว่าแม่บ้านคนไหนแย่ แต่ไม่ได้บอกว่าแม่บ้านคนไหนดีมาก

3. เลือกแม่บ้านที่มีอัตราการซื้อซ้ำสูง

ดังนั้นหากคะแนนเฉลี่ยไม่ได้มีประโยชน์มากนักในการหาแม่บ้านที่ดี แล้วอะไรจะเป็นประโยชน์? คำตอบคือ “อัตราการซื้อซ้ำ” บริการแม่บ้านออนไลน์เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยเปิดเผยหรืออาจติดตามตัวเลขเหล่านี้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งนี้มีความสำคัญมากในการหาแม่บ้านที่มีคุณภาพดี เพราะหากลูกค้าไม่พึงพอใจ เขาจะไม่เลือกแม่บ้านคนเดิม แล้วคำถามก็คือ อัตราการซื้อซ้ำที่ดีคือเท่าไร? เรื่องนี้ยุ่งยากนิดหน่อยเพราะยังขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทำงานของแม่บ้านด้วย เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าแม่บ้านใหม่ทุกคนจะเริ่มต้นด้วยอัตราการซื้อซ้ำที่ 0% และต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือนจึงจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าบางท่านอาจไม่จองบ่อยนัก แต่โดยทั่วไปแล้ว อัตราการซื้อซ้ำที่สูงกว่า 70% ถือว่ายอดเยี่ยม สูงกว่า 50% ถือว่าดี ส่วนต่ำกว่า 50% ถือว่ายังโอเคสำหรับแม่บ้านที่ค่อนข้างใหม่ (เช่น ทำงานน้อยกว่า 3-4 เดือน) อย่างไรก็ตาม อัตราการซื้อซ้ำที่ต่ำกว่า 20-30% สำหรับแม่บ้านที่ไม่ใช่แม่บ้านใหม่ (เช่น ทำงานมากกว่า 4 เดือน) มักไม่ใช่สัญญาณที่ดี ดังนั้น หากคุณต้องการแน่ใจว่าจะได้แม่บ้านที่ดี ควรพยายามหาแม่บ้านที่ไม่ใช่มือใหม่ที่มีอัตราการซื้อซ้ำ 50% ขึ้นไป และแม่บ้านมือใหม่ที่มีอัตราการซื้อซ้ำอย่างน้อย 20-30% ขึ้นไป

4. เลือกแม่บ้านที่ได้รับคำวิจารณ์เป็นลายลักษณ์อักษรจำนวนมาก

เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์อีกประการหนึ่งในการค้นหาแม่บ้านที่ดีคือการตรวจสอบว่ารีวิวมีความคิดเห็นหรือไม่ เพราะหากลูกค้าทุ่มเทความพยายามไม่เพียงแค่ให้คะแนนแต่ยังเขียนรีวิวด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาพึงพอใจมากเพียง คะแนน 5 ดาวโดยไม่มีความคิดเห็นอาจเป็นเพราะลูกค้าคิดว่าบริการโอเคและต้องการขอบคุณแม่บ้านแต่ไม่จำเป็นต้องประทับใจ แต่ถ้าลูกค้าประทับใจ เขาจะอยากให้ลูกค้าท่านอื่นทราบว่าบริการนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน และมักจะพยายามแสดงความรู้สึกของตนด้วยการเขียนความคิดเห็นชื่นชม เช่น "ใช้บริการของเขาอีกแน่นอน" หรือ "แนะนำมากๆ อย่างยิ่ง" จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องอ่านความคิดเห็นทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่ใส่ใจว่ามีคนกี่คนที่เขียนบางอย่างจริงๆ ข้อควรระวังประการหนึ่งคือลูกค้าประจำที่ให้คะแนนแม่บ้านคนเดียวกันบ่อยๆ อาจไม่เขียนความคิดเห็นแล้ว ดังนั้น โปรดทราบว่ามันไม่ได้หมายความว่าลูกค้าเหล่านั้นจะไม่ประทับใจ

5. เลือกแม่บ้านระดับสูง

ณ เวลาที่เขียนนี้ Bluuu อาจเป็นบริการแม่บ้านออนไลน์เพียงแห่งเดียวที่จัดอันดับแม่บ้านตามระดับสถานะทอง เงิน ทองแดง และนี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณค้นหาแม่บ้านที่มีคุณภาพดีได้อย่างรวดเร็ว แม่บ้านแต่ละระดับมีเกณฑ์ขั้นต่ำตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพ เช่น คะแนนและจำนวนการให้คะแนน ดังนั้น ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถค้นหาแม่บ้านที่มีผลงานดีที่สุดได้อย่างรวดเร็ว ข้อแม้เพียงประการเดียวคือ แม่บ้านที่อยู่อันดับสูงกว่ามักจะมีลูกค้าประจำจำนวนมากอยู่แล้ว ดังนั้น เวลาว่างของแม่บ้านอาจมีจำกัด ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาแม่บ้านที่สามารถมาได้บ่อยครั้ง หรือหากคุณมีวัน/เวลาที่ว่างจำกัด คุณอาจมองหาแม่บ้านใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ขึ้นระดับแม่บ้าน แต่มีคุณภาพดี

6. เลือกแม่บ้านใหม่ที่มีคุณภาพที่ยังมีเวลาว่างอีกมาก

หากคุณไม่สามารถหาวัน/เวลาที่สะดวกกับแม่บ้านระดับสูงได้ วิธีที่ดีที่สุดคือเลือกแม่บ้านใหม่ที่มีคุณภาพที่ยังมีเวลาว่างอีกมาก น่าเสียดายที่เว็บไซต์อื่นๆ ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่ใน Bluuu เรามีส่วน "แม่บ้านที่แนะนำ" ที่ด้านบนของหน้าแม่บ้าน ซึ่งแสดงรายชื่อแม่บ้านที่แนะนำมากที่สุดจากกลุ่มแม่บ้านใหม่ของเรา เราคัดเลือกแม่บ้านเหล่านี้อย่างรอบคอบจากตัวชี้วัดประสิทธิภาพต่างๆ เช่น คะแนนเฉลี่ย ความคิดเห็น อัตราการซื้อซ้ำ ผลลัพธ์จากการสัมภาษณ์และการฝึกอบรม และตัวชี้วัดอื่นๆ ที่เราไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด เราไม่ได้แสดงรายชื่อแม่บ้านเพียงเพราะเขาได้รับ 5 ดาว ดังนั้นแม่บ้านเหล่านี้จึงค่อนข้างน่าเชื่อถือ และผมขอแนะนำให้เลือกแม่บ้านจากส่วนนี้ที่ด้านบนของหน้าแม่บ้านเป็นอย่างยิ่ง

7. เลือกแม่บ้านที่ใกล้ตัว

อีกสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกแม่บ้านที่ดีคือการเลือกจากแม่บ้านที่อยู่ใกล้คุณ คุณอาจสงสัยว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับคุณภาพของแม่บ้านอย่างไร? ระยะทางอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของแม่บ้าน เนื่องจากแม่บ้านต้องจ่ายค่าเดินทางเอง ดังนั้น ยิ่งค่าเดินทางมาก ก็ยิ่งได้กำไรน้อยลง ดังนั้น หากคุณเลือกแม่บ้านที่อยู่ใกล้คุณมากที่สุด คุณก็จะเพิ่มรายได้ (= กำไร) ของแม่บ้านให้สูงสุด และแม่บ้านจะมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะทำงานหนักเให้คุณและทำให้คุณมีความสุข และจะกลายเป็นแม่บ้านที่ดีแทนที่จะเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ

8.  ขอคำแนะนำจากฝ่ายบริการลูกค้า (แอดมิน)

เคล็ดลับสุดท้ายก็คือการขอคำแนะนำจากฝ่ายบริการลูกค้าเกี่ยวกับแม่บ้าน หากคำตอบของพนักงานบริการลูกค้าคือ “ขออภัย เราไม่แนะนำแม่บ้านคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แม่บ้านของเราทุกคนก็เก่งพอๆ กันหมด!” นั่นหมายความว่า “เราไม่สนใจคุณภาพของแม่บ้าน” ดังนั้นผมไม่แนะนำใช้บริการนี้ ที่ Bluuu ฝ่ายบริการลูกค้าของเราจะเต็มใจที่แนะนำแม่บ้านที่ดีให้กับคุณ เพราะเรามีข้อมูลมากกว่าคุณมากอย่างแน่นอน เราได้สัมภาษณ์ ฝึกอบรม พูดคุยกับแม่บ้านเมื่อมีปัญหาหรือข้อเสนอแนะจากลูกค้า และติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพทั้งหมด (ซึ่งไม่ใช่แค่คะแนนเฉลี่ยและอัตราการซื้อซ้ำ) ซึ่งเราไม่สามารถพูดถึงได้ทั้งหมดที่นี่เนื่องจากเป็นสูตรลับของเรา แต่ประเด็นของผมก็คือ นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดและง่ายที่สุดในการรับข้อมูลล่าสุดว่าใครคือแม่บ้านที่ดีที่สุด

แคนี้! ผมหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หากคุณต้องการใช้ 8 เคล็ดลับนี้ในการเลือกแม่บ้านที่ดีที่สุด โปรดอย่าลังเลที่จะเรียกดูหน้ารายชื่อแม่บ้านของเราที่นี่ ผมหวังว่าคุณจะพบแม่บ้านที่คุณชอบที่สุดในไม่ช้า ☺️

===

เขียนโดย Daigo Yoda

ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu

ช่วงปลายปี - ต้นปี เป็นช่วงที่มักจะเจอฝุ่น PM2.5 มากที่สุด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในบางครั้งที่เราอาจเข้าใจผิดว่าที่เราเห็นนั้นเป็นหมอก แต่จริงๆแล้วเป็นฝุ่นจำนวนมาก  ที่ผ่านมาผู้คนต่างให้ความสนใจกับฝุ่น PM2.5 กันมากขึ้น เนื่องจากฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพหลายด้าน ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบถึงผลกระทบและยังไม่ตระหนักถึงผลเสียต่างๆที่จะตามมา 

ฝุ่น PM2.5 คืออะไร ?  

ฝุ่น PM2.5 คือฝุ่นที่มีขนาดเล็กขนาด 2.5 ไมครอน ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เราสามารถสูดดมเข้าไปผ่านจมูกไปถึงปอดได้ สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน ช่วงเวลาที่เกิดฝุ่น PM2.5 มักเป็นช่วงปลายปีถึงต้นปี (ธันวาคม-มีนาคม) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ความกดอากาศสูงทางตอนเหนือของประเทศลงมาปกคลุมทางภาคกลาง และทั่วภูมิภาคของประเทศ ทำให้เกิด “อากาศปิด” หรือเรียกกันง่ายๆว่า ไม่มีลมนั่นเอง เมื่ออากาศไม่ถ่ายเทฝุ่นละอองจึงไม่สามารถลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศได้ ทำให้มีฝุ่นปกคลุมอยู่นั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 มาจากหลายปัจจัย 

1. การเผาของเกษตรกร - เมื่อถึงฤดูหนาวชาวเกษตรกรต่างต้องเคลียพื้นที่รกร้างหรือเศษผลผลิตที่เก็บเกี่ยวไปแล้วเพื่อเคลียหน้าดิน เพื่อที่จะทำการเพาะปลูกในฤดูถัดไป ต่างใช้วิธีเผา ไม่ว่าจะเป็นไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย ซึ่งเป็นการเผาในที่โล่ง การเผานี้ส่งผลกระทบไม่ว่าจะเป็นเขม่า ขี้เถ้าและควันไฟ เรียกได้ว่าเป็นต้นต่อที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 นั่นเอง

2. การเผาป่า และการเกิดไฟป่า - ไฟป่าสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่ในประเทศไทย ไฟป่ามักเกิดจากมนุษย์ ที่เข้าไปหาของป่า เผาป่าเพื่อให้พื้นที่โล่งเดินทางเข้าไปได้ง่าย แต่หารู้ไม่ว่า การเผาป่านอกจากจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและต้นไม้แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผู้คนอื่นด้วย เพราะทั้งเขม่าควัน ฝุ่น เศษขี้เถ้า สามารถลอยไปได้ไกล และลอยอยู่ในอากาศได้นานในช่วงฤดูนี้  

3. ฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์ - อย่างไรก็ตามฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์กับนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลเก่า กระบวนการเผาไหม้ ทำให้เกิดควันดำ เขม่าควันนี้ทำให้เกิดมลพิษและฝุ่นละอองตามมานั่นเอง 

4. โรงงานอุตสาหกรรม - สามารถเกิดฝุ่น PM2.5 ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือโรงงานผลิตปูนซีเมนต์และภาคอุตสาหกรรมโรงงานไฟฟ้า

ฝุ่น PM2.5 ส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ? 

ผลกระทบต่อทางเดินหายใจ 

ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจได้โดยตรง เพราะมีขนาดเล็กมาก มนุษย์สามารถสูดดมเข้าไปทางลมหายใจได้ หากสูดดมหายใจเข้าไปเยอะๆ จะทำให้เกิดอาการหอบ ภูมิแพ้ และเกิดการไอเรื้อรังได้ แต่หากสะสมเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคปัญหาทางเดินหายใจเรื้อรังในที่สุด 

ผลกระทบต่อผิวหนัง

นอกจากฝุ่น PM 2.5 จะเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจได้แล้ว ยังสามารถเข้าสูร่างกายจากผิวหนังได้อีกด้วย โดยจะทำให้มีอาการคัน ผื่นแดงตามตัว คนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วต้องระวังเป็นพิเศษ หากออกไปข้างนอกควรใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิดและควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง ทำความสะอาดที่นอนอย่างสม่ำเสมอ 

ผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง

จากที่เรารู้กันมาว่าฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กมาก ซึ่งมันสามารถเข้าไปในร่างกายจนถึงกระแสเลือดได้ ผลที่ตามมาอาจทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง เลือดมีความหนืดทำให้ปวดหัวบ่อยหรือปวดบริเวณท้ายทอย นอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงโรคหลอดเลือดในหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองนั่นเอง

ผลกระทบต่อดวงตา 

เมื่อมีฝุ่น PM2.5 มากในอากาศ ดวงตาเป็นสิ่งที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมีฝุ่นละอองเล็กๆจำนวนมากเข้าในดวงตา จะทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ รวมถึงมีอาการคันตา ตาบวม และอาจเกิดโรคตาแดงได้นั่นเอง

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5

มนุษย์และสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอากาศหายใจที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อหลีกหนีจากฝุ่น PM2.5 ไม่ได้ เราควรหาวิธีป้องกัน หาความรู้ให้มากกว่าเดิม เพราะฝุ่นชนิดนี้อันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก เป็นวิธีง่ายๆที่สามารถปฏิบัติได้และควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

• ไม่ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งในขณะที่ฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงกว่ากำหนด ถึงแม้จะเป็นการออกกำลังกายก็ตาม
• หากมีธุระจำเป็นที่ต้องออกไปนอกบ้านควรสวมแมสทุกครั้ง ควรเป็นแมสที่สามารถป้องกัน ฝุ่นPM2.5 ได้ เช่นหน้ากาก N95
• ใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ และเปลี่ยนไส้กรองใหม่ทุกๆ 6 เดือน  เรามีแนะนำเครื่องฟอกอากาศที่ดีราคาไม่แพงสามารถอ่านได้ที่ แนะนำเครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่เกิน 2,000 คุณภาพดีเกินคุ้ม
• ปิดบ้านและที่อยู่อาศัยให้มิดชิด ในวันที่มีค่าฝุ่นค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันฝุ่นจำนวนมากเข้ามาในบ้าน 
• ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน โดยเน้นบริเวณที่นอน หลังตู้ ผ้าม่าน หรือมุ้งลวดที่มักมีฝุ่นปริมาณมาก 
• ควรล้างจมูกทุกวัน เนื่องจากบางคนจะมีอาการแน่นจมูก แสบจมูก และอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ
• ดื่มน้ำเยอะๆและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 
• เช็คค่าฝุ่น PM2.5 อยู่เสมอ สามารถเช็คได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นห่วยงานของรัฐ หากค่าฝุ่นPM2.5 เกิน 100 จะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพนั่นเอง

ฝุ่น PM 2.5 อยู่กับเราได้ไม่นานค่ะ แค่ไม่กี่เดือนก็จริง แต่ในระยะยาวแล้วมีผลเสียต่อสุขภาพ 100% มีผู้คนเป็นโรคมะเร็งปอดเยอะขึ้น การสูญเสียก็มากขึ้น หากเราทุกคนและทุกภาคส่วนตระหนักถึงปัญหานี้คงดีไม่น้อย 

ทุกคนมักขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพดี การมีสุขภาพที่ดีมักจะมาจากการใส่ใจและดูแลตัวเอง แต่บางครั้งสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือสภาพแวดล้อมรอบตัวไม่ดี มลพิษ ฝุ่นควัน อย่างน้อยเราควรทราบถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีป้องกัน 

ถ้าตอนนี้ที่บ้านของคุณเต็มไปด้วยฝุ่น ลองจองแม่บ้านให้เข้าไปทำความสะอาด แบบรายชั่วโมงได้นะคะ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ของเรา 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Uthaiwan B.

เคยเป็นกันมั้ย ? นั่งทำงานนานๆ ทุกวันเริ่มมีอาการปวดเมื่อย คอบ่าไหล่หรือปวดตึงกล้ามเนื้อจากการนั่งทำงานท่าเดิมนานๆ ไม่ได้ขยับร่างกายบ่อยๆ ทำให้เราปวดเมื่อยมีอาการปวดล้ากล้ามเนื้อสะสมอย่างต่อเนื่อง ปัญหายอดฮิตของชาวออฟฟิศที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่นอกจากจะทำงานตลอดทั้งวันแล้วก็แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนร่างกาย นอกจากเครื่องนวดที่ช่วยผ่อนคลายแล้วก็อย่าลืม จัดโต๊ะคอมให้ถูกวิธี ก็จะช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้ วันนี้เราจะแนะนำเครื่องนวดแก้ปวดเมื่อย สำหรับคนชอบนวดห้ามพลาดเลยเอาใจชาวออฟฟิศกันหน่อย

เครื่องนวดคอไฟฟ้า breo รุ่น C1

เป็นเครื่องนวดคอแบบหมอนรองคอ ใช้งานง่ายสะดวกพกพาไปทำงานที่ออฟฟิศได้สบายไม่เกะกะ ตัวเครื่องจะนวดคลื่นความถี่ 16,000 รอบ/นาที ถึง 4 จุด ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ได้เป็นอย่างดี ตัวหมอนมีความนุ่มผลิตจากเมมโมรีโฟมให้สัมผัสนุ่มฟูและคืนรูปได้ดี ขนาดกำลังดีกะทัดรัด มีน้ำหนักเพียง 420 กรัมเรียกว่าเบาสุดๆ เลย และที่สำคัญที่ฟังก์ชั่นที่สามารถช่วยประคบอุ่นได้อีกด้วย สามารถใช้งานนวดได้ 10 นาทีต่อรอบ ราคาเริ่มต้น 2,750 บาท

เครื่องนวดแบบปืนนวด HAN RIVER

เครื่องนวดกล้ามเนื้อที่สามารถปรับระดับความแรงและสามารถกดจุดได้อย่างตรงจุด ช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน เป็นเครื่องนวดด้วยระบบสั่นกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ปรับความแรงได้สูงสุดถึง 12 ระดับ ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี พกพาได้มีด้ามจับที่สบายมือ มีอุปกรณ์เครื่องนวดให้ 4 ชนิดตอบโจทย์การนวดสำหรับทุกสัดส่วนของร่างกาย เครื่องนวดมีความเงียบเสียงไม่ดัง ตัวเครื่องนวดมีน้ำหนัก 750 กรัม ราคาเริ่มต้น 379 บาท ราคาไม่แรงแถมช่วยผ่อนคลาย

เครื่องนวดมือไฟฟ้า XUTI

ตอบโจทย์ชาวออฟฟิศที่ทำงานใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือตลอดทั้งวัน อาจจะเคยเกิดอาการปวดฝ่ามือ เมื่อยนิ้ว ชาตามนิ้วมือ เครื่องนวดมือไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือกที่ดี ตัวเครื่องจะทำงานด้วยระบบบีบกดแบบ Compression จะช่วยนวดฝ่ามือ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด สามารถปรับระดับความแรงในการนวดได้สูงสุดถึง 3 ระดับและใช้งานอย่างต่อเนื่องได้นาน 30-40 นาทีต่อครั้ง ตัวเครื่องนวดมีทั้งแบบไร้สายและแบบมีสายเสียบ ราคาเริ่มต้น 949 บาท สบายมือง่ายๆแค่มีเครื่องนวดที่บ้าน

เครื่องนวดตาอัจฉริยะ Soulgtm

จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินก็ทำให้ตาอ่อนล้า เมื่อยและปวดลูกตา อาจจะส่งผลให้ปวดศรีษะได้ แนะนำเครื่องนวดตาอัจฉริยะ ช่วยลดอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า คลายเครียดช่วยผ่อนคลายสบายตา ด้วยระบบนวด 5 โหมดและเพิ่มการประคบอุ่นได้ มีสายปรับที่เข้าได้กับทุกรูปหน้า ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth เพื่อใช้งานฟังก์ชั่นฟังเพลงผ่านเครื่องนวดเพื่อเพิ่มความสุนทรีและผ่อนคลาย ราคาเริ่มต้น 1,390 บาท สามารถพับเก็บได้ พกง่ายสะดวกและมีน้ำหนักเพียง 242 กรัมเท่านั้น เบาสบายสุดๆ 

เครื่องนวดเท้าไฟฟ้า

เครื่องนวดเท้าเหมาะสำหรับชาวออฟฟิศที่ต้องยืนหรือเดินทำงานตลอดเวลา ตัวเครื่องจะสามารถช่วยได้ทั้งฝ่าเท้า เท้า น่องขาด้วยระบบสั่นรวมทั้งระบบแรงดันที่จะทำให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดตึง มีข้อจำกัดที่เครื่องนวดสามารถทำงานได้ครั้งละ 15 นาที เป็นการนวดระยะสั้นๆ เป็นเครื่องแบบมีสายปลั๊กไฟ ไม่เหมาะสำหรับการพกพา ราคาเริ่มต้น 1,300 บาท หมั่นทำทุกวันก็จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี

การใช้งานเครื่องนวดแก้ปวดเมื่อยเป็นเพียงการช่วยลดอาการแบบชั่วคราวหรือให้ผ่อนคลายเท่านั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรอ่านคู่มือการใช้งานและอย่าลืมใช้งานเครื่องนวดตามคำแนะนำและที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องนวดอย่างต่อเนื่องนานเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ สำหรับชาวออฟฟิศที่ทำงานทั้งวันและเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ขอแนะนำแม่บ้าน Bluuu  ให้เราดูแลทำความสะอาดบ้านของคุณ เพื่อให้คุณได้มีเวลาพักผ่อนและ Relax ได้มากยิ่งขึ้น เรื่องบ้านปล่อยให้แม่บ้าน Bluuu จัดการความเรียบร้อยในบ้านของคุณเอง คลิก เรียกแม่บ้าน Bluuu ได้เลย

เกี่ยวกับผู้เขียน

Nannicha P.

การทำอาหารคลีนเองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากอ่านสิ่งนี้! วันนี้เรามี 6 เมนูอาหารคลีนที่ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือวัตถุดิบซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก ถ้าพร้อมแล้วไปดูเมนูกันเลย!

1. สลัดอกไก่ย่าง

วัตถุดิบ:

• อกไก่ 1 ชิ้น
• ผักกาดแก้ว, มะเขือเทศ, แครอท
• เกลือ, พริกไทย
• น้ำสลัดสูตรน้ำใส

วิธีทำ:

1. หมักอกไก่ด้วยเกลือและพริกไทย ย่างจนสุก
2. ล้างและจัดจานผักสด เช่น ผักกาดแก้ว มะเขือเทศ และแครอท
3. วางอกไก่ย่างลงบนผัก ราดด้วยน้ำสลัดสูตรน้ำใส

อกไก่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ผักสดยังอุดมไปด้วยใยอาหารที่ช่วยในระบบขับถ่ายและการย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น น้ำสลัดสูตรน้ำใสยังช่วยลดปริมาณแคลอรี ทำให้อาหารคลีนนี้เหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนักและเป็นเมนูอาหารคลีนยอดฮิต

2. ข้าวกล้องผัดอกไก่ไข่ดาว

วัตถุดิบ:

• ข้าวกล้อง 1 ถ้วย
• อกไก่หั่นชิ้น 100 กรัม
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• บรอกโคลี, แครอท
• น้ำมันมะกอก, ซีอิ๊วขาว

วิธีทำ:

1. ผัดอกไก่กับน้ำมันมะกอก ใส่ผักต่างๆ เช่น บรอกโคลีและแครอท
2. ใส่ข้าวกล้องผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
3. เสิร์ฟพร้อมไข่ดาวน้ำเพื่อสุขภาพ

ข้าวกล้องเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ช่วยให้พลังงานอย่างยาวนาน และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเร็วเกินไปอกไก่ในอาหารคลีนช่วยเพิ่มโปรตีนเพื่อการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อ บรอกโคลีและแครอทมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ไข่ดาวน้ำให้สารอาหารที่ดีโดยไม่เพิ่มไขมันส่วนเกินเหมือนการนำไปทอดในน้ำมัน

3. โจ๊กข้าวโอ๊ตอกไก่

วัตถุดิบ:

• ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
• อกไก่ฉีก 100 กรัม
• เห็ดหอม 2-3 ดอก
• น้ำซุปไก่, เกลือ, พริกไทย

วิธีทำ:

1. ต้มข้าวโอ๊ตกับน้ำซุปไก่จนเดือด
2. ใส่อกไก่ฉีกและเห็ดหอม
3. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย

ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง อาหารคลีนชนิดนี้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดคอเลสเตอรอล อกไก่เป็นโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการอักเสบในร่างกาย

4. ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ

วัตถุดิบ:

• หมูสับไม่ติดมัน 100 กรัม
• เต้าหู้ขาว 1 ก้อน
• ผักกาดขาว, แครอท
• ซีอิ๊วขาว, พริกไทย

วิธีทำ:

1. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่หมูสับปั้นเป็นก้อนลงไป
2. ใส่เต้าหู้ ผักกาดขาว และแครอท
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย

เต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หมูสับไม่ติดมันให้โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย ผักกาดขาวและแครอทช่วยในการขับถ่ายและบำรุงสายตา พร้อมทั้งเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายอีกด้วย

5. อกไก่ผัดพริกไทยดำ

วัตถุดิบ:

• อกไก่หั่นชิ้น 100 กรัม
• พริกไทยดำบด
• พริกหวาน 3 สี
• หอมใหญ่
• น้ำมันมะกอก, ซีอิ๊วขาว

วิธีทำ:

1. ผัดอกไก่กับน้ำมันมะกอก ใส่หอมใหญ่และพริกหวาน
2. ปรุงรสด้วยพริกไทยดำและซีอิ๊วขาว

พริกไทยดำในอาหารคลีนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น พริกหวานอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและเพิ่มภูมิคุ้มกัน อกไก่มีโปรตีนสูงที่ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นและช่วยลดความอยากอาหารระหว่างมื้อของคุณ

6. ยำวุ้นเส้นอกไก่

วัตถุดิบ:

• วุ้นเส้น 1 ห่อเล็ก
• อกไก่ลวก 100 กรัม
• ขึ้นฉ่าย, มะเขือเทศ, แครอท
• น้ำปลา, มะนาว, พริกขี้หนู

วิธีทำ:

1. แช่วุ้นเส้นจนนิ่ม แล้วลวกให้สุก
2. ใส่อกไก่ลวกและผักต่างๆ
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และพริกขี้หนู

วุ้นเส้นเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานต่ำ จึงเหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก แถมยังอร่อยแซ่บถึงใจคนทาน ส่วนอกไก่ลวกให้โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยไม่เพิ่มไขมันส่วนเกิน มะเขือเทศและขึ้นฉ่ายมีสารต้านการอักเสบและช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย

การทานอาหารคลีนไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ลองทำ 6 เมนูเหล่านี้ดู รับรองว่าอร่อย ทำง่าย และดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก การเลือกวัตถุดิบที่ดีและการปรุงแต่งรสชาติอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ในทุกๆ วัน! หลังจากที่ดูแลสุขภาพกันไปแล้ว อยากหาคนช่วยดูแลทำความสะอาดบ้าน ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดและราคาให้บริการได้ที่ Bluuu Price ได้เลยครับ

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Thossaporn K.

  วัดเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ เทศกาลปีใหม่ของคนไทยในทุกๆปี ผู้คนมักจะเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต ในจังหวัดกรุงเทพมหานครมีวัดอยู่ไม่น้อย เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อชาวต่างชาติมาเยือน และยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อบ้านเมืองอีกด้วย 

หลายคนอาจเป็นกังวลเรื่องการเดินทาง กลัวไม่มีที่จอดรถ กลัวว่าแต่ละวัดอยู่ไกลกันเกินไป วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเดินทางและแนะนำวัดที่อยู่ระแวกใกล้เคียงกัน เดินทางง่ายๆ ไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เวลาที่เหมาะกับการไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯ เป็นช่วงสิ้นปีหรือปีใหม่เพราะว่าเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศไม่ร้อนมาก บางวันมีแดด แต่แดดไม่แรง แต่อย่าลืมพกร่ม ยาดม และน้ำดื่มมากันด้วยนะคะ และที่สำคัญใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดเรียบร้อย ใส่รองเท้าหุ้มส้น หรือผ้าใบที่เดินสะดวกได้เลย 

โดยการเดินทาง คนที่มีรถส่วนตัวสามารถนำรถมาจอดได้ที่ท้องสนามหลวง จอดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าลานจอดรถที่สนามหลวงเต็มสามารถนำรถมาจอดได้ที่ ลานจอดรถราชนาวีสโมสร เสียค่าจอดเป็นรายชั่วโมง หากเราจอดรถ 2 ที่นี้จะสามารถเดินไปวัดระแวกใกล้เคียงได้ โดยให้เรียงดังนี้ค่ะ 

1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร : หากจอดรถไว้ที่สนามหลวงหรือราชนาวีสโมสร สามารถเดินตรงมาที่ศาลหลักเมืองเป็นอันดับแรกได้เลยค่ะ 

โดยศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระนครใหม่โดยย้ายจากฝั่งตะวันตก มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการปรับปรุงผูกดวงชะตาศาลหลักเมือง และมีเสาต้นใหม่ ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการเปลี่ยนแปลงจากแบบศาลเป็นแบบจตุรมุข จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง 

โดยศาลหลักเมืองนี้เป็นสถานที่ที่สายมูนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องการงาน โดยภายในมีชุดดอกไม้ให้บูชาครบชุด ชุดละ 60 บาท

หลังจากไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จแล้วเราจะไปต่อกันที่วัดสระเกศหรือวัดภูเข้าทอง โดยนั่งรถตุ๊กๆไปคนละ 50 บาท 

2. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)

วัดสระเกศเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยต่อมาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ได้ทรงมาปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบๆวัด และตั้งชื่อใหม่ว่า ”วัดสระเกศ” ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้างพระเจดีย์ "ภูเขาทอง" หรือ "บรมบรรพต" เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมาจากประเทศอินเดีย วัดสะเกศจึงเป็นวัดที่มีเจดีย์ที่สวยงามสูงสง่าอยู่กลางกรุงเทพมหานครนั่นเอง ทุกช่วงวันลอยกระทงที่วัดจะจัดงานสมโภชงานประจำปีของวัด ทางวัดจะจัดไฟสวยงามเปิดถึงเที่ยงคืน แต่ช่วงนั้นคนจะค่อนข้างเยอะ แต่ช่วงปีใหม่ก็เหมาะที่จะไปเช่นกันเพราะอากาศดีแดดไม่แรงมาก แนะนำให้เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ขอพรด้วยนะคะ 

ต่อมาเราจะเดินไปที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ห่างกันแค่ 850 เมตร สามารถเดินได้ใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น

3. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

เป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 1 โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระวิหารขึ้นเนื่องจากให้เป็นที่ประดิษฐานของ พระศรีศากยมุนี หรือ พระโตจากวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย โดยการสร้างวัดนี้ยืดยาวถึง 3 รัชกาล มีความสวยงามทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอยู่มาก มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นอยู่หน้าวัด คือ เสาชิงช้า นับเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพ

ต่อมาเราจะเดินไปที่วัดพระแก้ว โดยจะเดินผ่านถนน บำรุงเมือง ข้ามสะพานช้างโรงสี ตรงมาจนถึงถนน กัลยาณไมตรี ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 18 นาที ระหว่างทางมีสถานที่ถ่ายรูปที่คนนิยมไปถ่ายกันคือ บริเวณข้างกระทรวงกลาโหม เป็นตึกแนววินเทจย้อนยุคสีเหลือง สวยงามมากค่ะ

4. วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  

นับได้ว่าวัดพระแก้วเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวไทยและชาวต่างชาติ มีความเป็นมาอย่างยาวนาน 

โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ให้เป็นวัดในพระบรมหาราชวัง โดยมีพระพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือ “พระแก้วมรกต” ที่อัญเชิญมาจากประเทศลาวประดิษฐานในพระอุโบสถที่มีงานจิตรกรรมที่วิจิตรงดงาม

นอกจากนี้ภายในวัดพระแก้ยังมีอาคารสถานที่ต่างๆที่งดงาม นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติบ้านเมือง เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ทรงคุณค่ามากๆค่ะ

และเราจะเดินทางต่อไปที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โดยเราจะเดินจากวัดพระแก้วมาขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าช้าง-วัดระฆังใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที

5. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

เดิมเป็นวัดเก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงสร้างพระราชวังใกล้ๆ และโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 มีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งมีเสียงไพเราะ จึงได้นำไปไว้ที่วัดพระแก้วและสร้างระฆังลูกใหม่ 5 ลูกเพื่อทดแทน สมัยในหลวงรัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าให้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” 

“วัดระฆัง” ผู้คนจะรู้จักกันในนาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆัง สมัยรัชกาลที่ 4-5 รวมแล้ว 20 ปี ท่านเป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความเคารพและศรัทธานับถืออย่างมากในประเทศไทย แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้วกว่า 145 ปี และท่านยังได้สร้าง  “พระสมเด็จ” เป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่ามีราคาแพงที่สุด และหายากที่สุดในวงการพระเครื่องไทย

ท่านได้ปรับปรุงพระคาถาชินบัญชรให้สมบูรณ์จากฉบับเดิมอีกด้วย

เหมาะกับการไปนั่งสมาธิ สงบจิตสงบใจมากๆค่ะ เพราะบรรยากาศดี ร่มเย็น ลมพัดตลอดเพราะวัดหันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา สายมูห้ามพลาด เหมาะกับการมาไหว้พระขอพรช่วงปีใหม่มากๆค่ะ 

วัดต่อไปเราจะไปกันที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และศาลเจ้าเกียนอันเกง โดยเราจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปนะคะ อยู่ห่างกันแค่ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที 

6. วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร  

วัดกัลยาณมิตรสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเป็นการบริจาคที่ดินของ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ต้นสกุลกัลยาณมิตร เพื่อสร้างศาสนสถาน และถวายเป็นพระอารามหลวง โดยวัดกัลยามีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต คนจีนนิยมเรียกตามแบบจีนว่า ซำปอกง เนื่องจากระแวกนั้นสมัยก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของพระจีน สิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัดก็มีเป็นแบบจีนบ้าง 

โดยคำบอกเล่าตั้งแต่โบราณกล่าวกันว่า หากได้มากราบพระที่วัดกัลยาณมิตรจะ เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี สายมูอย่างเราต้องลองมากราบไหว้สักครั้งนะคะ

สถานที่ใกล้เคียงกัน คือ ศาลเจ้าเกียนอันเกง เป็นศาลเจ้าจีนแบบโบราณดูขลัง ส่วนมากคนมักจะไปขอพระเรื่องธุรกิจการค้าร่ำรวยเงินทอง เป็นอีกที่หนึ่งที่ควรมามากจริงๆเพราะได้รีวิวจากสายมูเยอะมาก 

ต่อมาเราจะไปกันที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร อยู่ห่างกันแค่ 1 กิโลเมตร ใครจะนั่งวินหรือเดินเอาก็ได้ค่ะ 

7. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร 

เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกปรับปรุงมาเรื่อยๆตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสมัยที่พระเจ้าตากขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้เป็นวัดอารามหลวงเพราะอยู่ใกล้วัง และยังมีท่านอื่นๆที่คอยบูรณะมาเรื่อยๆจนถึงปัจุบัน

เมื่อพูดถึงวัดหงษ์รัตนารามในสมัยนี้แล้วนั้น ผู้คนมากมายต่างรู้จักในนามศาลพระเจ้าตากและบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตาก  ปัจจุบันมีผู้คนไปเคารพสักการะและอาบน้ำมนต์เป็นจำนวนมาก และยังสามารถนำขวดตักน้ำมนต์กลับบ้านได้ ว่ากันว่าเป็นที่ศรัทธาหมู่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และผู้มีอำนาจในบ้านเมือง เชื่อกันว่าจะช่วยในเรื่องความโชคดี ร่ำรวย และยศฐาบรรดาศักดิ์และความโด่งดังมีชื่อเสียงนั่นเอง สายมูอย่าพลาดนะคะ ปีใหม่นี้ถ้าไม่เคยไปวัดหงษ์อย่าลืมลองไปขอพรดูนะคะ 

ต่อไปจะเดินไปที่วัดอรุณห่างกันแค่ 500 เมตร เดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ 

8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยที่ชาวต่างชาติรู้จัก โดยวัดอรุณมีพระปรางค์ที่สวยงดงามมาก เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากพระปรางค์ที่สวยงามแล้วนั้น วัดอรุณบางท่านอาจรู้จักในนาม วัดแจ้ง หรือที่รู้จักกันดีคือ "ยักษ์วัดแจ้ง" เป็นพญายักษ์ที่ยืนเฝ้าซุ้มหน้าประตูอยู่ 2 ตน

ปัจจุบันวัดอรุณเป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาตินิยมมากันมากเพราะในระแวกใกล้เคียงมีร้านให้เช่าชุดไทย สามารถใส่ชุดไทยมาถ่ายรูปที่วัดได้ ปีใหม่นี้ถ้าใครอยากมีรูปสวยๆอย่าลืมแวะมาไหว้พระ ใส่ชุดไทยเช็คอินที่วัดอรุณนะคะ 

ต่อไปวัดสุดท้าย “วัดโพธิ์” ซึ่งเราจะนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัดอรุณไปท่าเตียนและเดินไปวัดโพธิ์ค่ะ ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีเท่านั้น 

9. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) 

เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาพระเจ้าตากสินได้ทรงยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ บูรณะปฏิสังขรขึ้นใหม่ ต่อมาพระมหากษัตริย์อีกหลายพระองค์ก็บูรณะมาเรื่อยๆจนเป็นเช่นปัจจุบัน 

ภายในวัดโพธิ์ มีพระวิหารพระพุทธไสยาส หรือพระนอนองค์ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของวัดโพธิ์สู่สายตาชาวโลก มีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากที่เข้ามาชมความงาม นับว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยวัดหนึ่ง นอกจากนี้วัดโพธิ์ยังมีโรงเรียนสอนนวดและสำนักปฏิบัติธรรมของสงฆ์อีกด้วย พระปรางค์ และสถาปัตยกรรมภายในวัดต่างมีความงดงามควรค่าแก่การไปเยือนมากๆค่ะ 

หากใครมาไหว้พระ 9 วัดช่วงปีใหม่ย่านนี้แล้วอย่าลืมมากราบพระที่วัดโพธิ์กันนะคะ รับรองว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจหายเหนื่อยก่อนกลับบ้านแน่นอนค่ะ 

ไหว้พระที่วัดโพธิ์เสร็จก็เดินไปที่จอดรถของเราใกล้ๆได้เลย ถ้าใครเดินไม่ไหวแล้วเรียกรถตุ๊กๆไปส่งก็ได้นะคะ … จบปทริปไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯแล้วค่ะ 

ปีใหม่นี้เมื่อได้มาไหว้พระ 9 วัดแล้ว รับรองว่าได้บุญ ได้ความสบายใจ และได้กำลังใจกลับไปทำงานอย่างแน่นอน 

วันหยุดยาวปีใหม่นี้หาเวลาไปพักผ่อน ไหว้พระ ทำบุญแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดบ้านรับปีใหม่กันนะคะ ได้บุญแล้วบ้านต้องสะอาดนะคะ จะได้ปังสุดๆกันไปเลย แนะนำให้จ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมงเข้าไปทำความสะอาด ราคาเบาๆจองง่ายมาก เอาเวลาที่ต้องทำความสะอาดบ้านเองไปพักผ่อนวันในวันปีใหม่ดีกว่าค่ะ 

หากสนใจจ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมงสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bluuu Price เราบริการแม่บ้านรายชั่วโมงในกรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการและนนทบุรี 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Uthaiwan B.

การจัดโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังช่วยลดความเครียดและอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆ อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับพื้นที่ทำงานให้สมบูรณ์แบบ เพื่อบูสต์เอนเนอจี้ในการทำงาน บทความนี้จะช่วยคุณได้เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างมากเลยล่ะ!

1. เลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เหมาะสม

•  ความสูงของโต๊ะทำงาน

ความสูงของโต๊ะทำงานควรอยู่ระหว่าง 70-75 ซม. หรือปรับให้เหมาะกับความสูงของคุณ โต๊ะที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ไหล่ และคอได้ หากเป็นไปได้ ให้เลือกโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อความยืดหยุ่นในการทำงานและการดูแลสุขภาพสรีระ

• เก้าอี้ทำงานที่รองรับสรีระ

เก้าอี้ที่ดีควรมีคุณสมบัติรองรับสรีระของผู้นั่ง สามารถปรับระดับความสูงได้ และมีพนักพิงที่รองรับส่วนโค้งของหลัง โดยเฉพาะบริเวณเอว (Lumbar Support) พนักพิงควรเอนได้เล็กน้อยเพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย นอกจากนี้ ควรมีที่วางแขนเพื่อช่วยลดแรงกดที่ไหล่

2. จัดวางจอมอนิเตอร์ให้ถูกต้อง

• ระดับสายตาที่เหมาะสม

จอมอนิเตอร์ควรอยู่ในระดับที่สายตาของคุณมองตรงไปขอบบนของหน้าจอโดยไม่ต้องก้มเงย ตำแหน่งนี้ช่วยลดแรงกดดันที่คอและหลัง ปรับความเอียงของจอประมาณ 10-20 องศาเพื่อให้สบายตาและลดแสงสะท้อนจากจอ

•  ระยะห่างที่เหมาะสม

จอมอนิเตอร์ควรอยู่ห่างจากสายตาประมาณ 50-70 ซม. หรือประมาณความยาวแขนที่ยืดออกไป หากใช้จอขนาดใหญ่ เช่น 27 นิ้วขึ้นไป อาจเพิ่มระยะห่างออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าของดวงตา

3. การจัดวางคีย์บอร์ดและที่รองเมาส์

• ตำแหน่งคีย์บอร์ด

วางคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับเดียวกับข้อศอกของคุณ หรือให้แขนตั้งฉาก 90 องศา ควรเว้นระยะจากขอบโต๊ะประมาณ 10-15 ซม. เพื่อให้ข้อมือสามารถวางพักได้

• ใช้ที่รองเมาส์อย่างเหมาะสม

การใช้แผ่นรองข้อมือช่วยให้ข้อมือไม่งอมากเกินไป ลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรม การเลือกใช้เมาส์ที่เหมาะสม เช่น เมาส์แบบแนวตั้ง (Vertical Mouse) ก็ช่วยให้จับได้สบายและลดการบิดข้อมือ

4. จัดแสงสว่างให้เหมาะสม

•  แสงธรรมชาติ

การทำงานใกล้หน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติส่องถึงช่วยให้ดวงตาผ่อนคลายและลดความเครียด แสงจากธรรมชาติยังช่วยเพิ่มสมาธิและลดอาการอ่อนล้าระหว่างวัน แต่ควรจัดจอมอนิเตอร์ให้หันด้านข้างแทนที่จะหันตรงกับแสงเพื่อป้องกันแสงสะท้อน

•  โคมไฟโต๊ะทำงาน

เลือกโคมไฟที่มีแสงสีขาวนวลหรือแสง Daylight ซึ่งใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ แสงที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานยาวนานไม่ส่งผลเสียต่อดวงตา นอกจากนี้ การใช้โคมไฟที่สามารถปรับระดับความสว่างได้จะช่วยให้คุณปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้

5. จัดการสายไฟให้เป็นระเบียบ

•  ใช้อุปกรณ์จัดเก็บสายไฟ

ใช้คลิปเก็บสายไฟหรือรางเก็บสายไฟเพื่อจัดระเบียบไม่ให้สายพันกันยุ่งเหยิง การมีสายไฟรกบนโต๊ะอาจทำให้ดูไม่น่าทำงาน และยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการสะดุดล้มได้

6. ตกแต่งโต๊ะทำงานเพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ

•  ต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะ

การวางต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะ เช่น ต้นลิ้นมังกร, ไม้ฟอกอากาศ หรือกระบองเพชร ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูสดชื่นและผ่อนคลาย ต้นไม้เหล่านี้ยังช่วยฟอกอากาศและเพิ่มความรู้สึกสงบในขณะทำงาน

•  อุปกรณ์เสริมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ

ภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยว ครอบคัว, คำคม หรือวัตถุที่มีความหมายกับคุณสามารถช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

7. รักษาความสะอาดบนโต๊ะเสมอ

•  จัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นอยู่เสมอ

จัดระเบียบและทำความสะอาดโต๊ะทำงานทุกสัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค โต๊ะที่สะอาดช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิมากขึ้น หมั่นจัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นบนโต๊ะทำให้พื้นที่ทำงานดูรกและลดประสิทธิภาพการทำงาน คุณควรพยายามจัดเก็บเอกสารหรือของใช้อื่นๆ ที่ไม่จำเป็นลงในลิ้นชักหรือชั้นวาง

การจัดโต๊ะคอมให้เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ การลงทุนเวลาจัดโต๊ะทำงานเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น! หรือหากคุณกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดและราคาให้บริการได้ที่ Bluuu Price

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Thossaporn K.

     ห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องสีดำมีข้อดีคือช่วยบดบังสายตาจากคราบสกปรกได้ แต่หากใช้ไปนานๆกระเบื้องก็มีคราบขาวไม่เงาสวยเหมือนเดิม อีกมุมหนึ่งการปูกระเบื้องสีดำ หากไม่ดูแลใส่ใจเรื่องการทำความสะอาด ไม่เข้าใจวิธีการทำความสะอาด หรือไม่ได้ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ถูกต้อง กระเบื้องสีดำอาจเป็นคราบ ซึ่งมองเห็นได้ชัดกว่ากระเบื้องสีขาว และดูสกปรกกว่านั่นเอง

 บ้านที่ปูกระเบื้องสีดำในห้องน้ำ ส่วนมากจะเจอปัญหากระเบื้องเป็นคราบตะกรันสีขาวๆ อาจเกิดจากคราบสบู่ หรือคราบหินปูนที่เกิดจากน้ำ จากห้องน้ำที่ดูสะอาดกลายเป็นสกปรกขึ้นมาทันที

ทำอย่างไรถึงจะลดการเกิดคราบขาวบนกระเบื้องสีดำ ?

กระเบื้องสีดำ ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน 

มีพ่อบ้านแม่บ้านหลายๆท่านแนะนำให้ล้างห้องน้ำที่ปูกระเบื้องสีดำด้วยน้ำยาล้างจาน ซึ่งน้ำยาล้างจานมีค่า PH เป็นด่าง ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยากัดกร่อนพื้นผิวนั่นเอง ทำให้พื้นผิวกระเบื้องที่ถูกเคลือบมาไม่โดนทำลาย 

โดยจะใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำเล็กน้อย ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขนอ่อนชุบน้ำยา นำไปขัดบริเวณที่เป็นคราบ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งและลงน้ำมันเช็ดเคลือบอีกครั้ง

กระเบื้องสีดำ ล้างด้วยผงซักฟอกธรรมดาหรือน้ำยาล้างห้องน้ำชนิดที่ไม่ผสมกรดกัดกร่อน

นอกจากล้างด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ยังสามารถทำความสะอาดกระเบื้องสีดำด้วยผงซักฟอกและน้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่กัดกร่อน โดยสามารถเลือกใช้ยี่ห้อที่เป็นแบบออร์แกนิกได้เช่นกัน แต่ผู้ใช้งานควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนใช้งาน 

นอกจากนี้การทำความสะอาดกระเบื่องสีดำ ยังสามารถใช้น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาอเนกประสงค์เฉพาะกลุ่ม ที่ไม่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

ขอแนะนำที่สำคัญสำหรับการดูแลกระเบื้องสีดำ

• ควรใช้แปรงขนอ่อน ฟองน้ำหรือผ้าเช็ด ห้ามนำแปรงที่ขนแข็งๆ อย่างฝอยขัดหม้อ แปรงทองเหลือง มาขัดเด็ดขาด เพราะจะเป็นรอยถาวรและพื้นกระเบื้องสึกหรอเร็ว 

• กระเบื้องสีดำ “ห้ามลงน้ำยาที่เป็นกรด” เด็ดขาด  ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีความเป็นกรดสูงล้างห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องสีดำ ควรระวังเป็นพิเศษ หากคุณปูกระเบื้องที่มีสีเข้ม เพราะความเป็นกรดอาจไปกัดเซาะหินปูนได้ก็จริงแต่ก็เสี่ยงที่กระเบื้องจะสึกหรอเร็วและเกิดเป็นคราบด่างตามมา ซึ่งน้ำยาล้างห้องน้ำบางชนิดเหมาะกับสุขภัณฑ์ที่มีสีขาว ไม่เหมาะกับสุขภัณฑ์ที่มีสีเข้ม

• รอยด่างสีขาวบนผนังแก้ได้ด้วย “น้ำมัน” หากบริเวณผนังที่เป็นกระเบื้องหรือหินอ่อนสีดำ เกิดรอยด่างจากการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือคราบสีขาวที่เกิดจากสบู่หรือหินปุนก็ตาม หลังจากล้างด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ให้เช็ดน้ำมันทิ้งไว้ อาจใช้น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก หรือเบบี้ออย ช่วยเคลือบผิวนั่นเอง นี่เป็นอีกวิธีที่ผู้ประสบปัญหาได้แนะนำและใช้แล้วได้ผล แต่ควรทาเคลือบไว้ทุกๆ 2 สัปดาห์ 

• เคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วย “น้ำยาขัดยางดำรถยนต์” นอกจากการเคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วยน้ำมันแล้วอีกวิธีหนึ่งคือการเคลือบผิวกระเบื้องสีดำด้วยน้ำยาเคลือบยางดำขัดรถยนต์ เพราะน้ำยาขัดยางรถยนต์เป็นสีดำเงา น้ำไม่ค่อยเกาะ ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย แต่ใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลองขัดเริ่มจากพื้นที่เล็กๆ หากเป็นที่พอใจค่อยขยายพื้นที่ในการเช็ดได้ค่ะ ควรใช้น้ำยาเคลือบทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งข้อแนะนำสำหรับคนที่เคยเจอปัญหานี้มาแล้วใช้ได้ผล

• ใช้ที่รีดน้ำทุกครั้ง สิ่งสำคัญหลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังอาบน้ำควรเช็ดคราบน้ำหรือคราบสบู่ให้แห้งทุกครั้ง ไม่ปล่อยให้กระเบื้องแห้งเอง เพราะจะทำให่เกิดคราบน้ำบนกระเบื้องได้ แนะนำให้รีดน้ำออกทุกครั้งด้วยที่รีดน้ำ ราคาหลักสิบ หาซื้อได้ตามซุปเปร์มาร์เก็ตทั่วไป

•  ใช้ฟองน้ำนาโนหรือฟองน้ำมหัศจรรย์ เป็นฟองน้ำที่พูดถึงกันอย่างมากมายในวงการแม่บ้าน สามารถใช้ในการขัดคราบขาวบนกระเบื้องสีดำได้ โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำเล็กน้อยนำมาเช็ดบริเวณที่เป็นคราบ อย่าออกแรงหนักจนเกินไป แล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง และทาน้ำมันเคลือบอีกชั้น

• ใช้ระบบกรองหินปูน หากบ้านอยู่ต่างจังหวัดหรือเป็นเขตพื้นที่ที่น้ำมีหินปูน หรือใช้น้ำบาดาล ควรติดเครื่องระบบกรองหินปูนก่อนน้ำเข้าตัวบ้าน หากมีงบน้อยอาจติดเครื่องกรองน้ำ กรองหินปูน แค่เพียงเฉพาะในห้องน้ำได้ หรือถ้าต้องการประหยัดกว่านั้น สามารถใช้ที่กรองฝักบัวแทนได้

มีหลายคนที่เลือกปูกระเบื้องสีดำในห้องน้ำแล้วผิดหวังที่เจอปัญหาคราบขาวเป็นด่าง ดูไม่น่ามอง หากเรารู้วิธีทำความสะอาดอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ ห้องน้ำคุณจะกลับมาสะอาดสดใสอีกครั้งเมื่อคุณดูแลอย่างถูกวิธีค่ะ อย่าลืมนำวิธีที่เราแนะนำไปใช้นะคะ 

หรือหากคุณกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมง เป็นผู้ช่วยรู้ใจในการทำความสะอาด สามารถอ่านรายละเอียดขอบเขตการทำงานและค่าบริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับผู้เขียน 

Uthaiwan.B