สายมูห้ามพลาด พิกัดไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ ขอพรปีใหม่ ปังแน่นอน

  วัดเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ เทศกาลปีใหม่ของคนไทยในทุกๆปี ผู้คนมักจะเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต ในจังหวัดกรุงเทพมหานครมีวัดอยู่ไม่น้อย เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อชาวต่างชาติมาเยือน และยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อบ้านเมืองอีกด้วย 

หลายคนอาจเป็นกังวลเรื่องการเดินทาง กลัวไม่มีที่จอดรถ กลัวว่าแต่ละวัดอยู่ไกลกันเกินไป วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเดินทางและแนะนำวัดที่อยู่ระแวกใกล้เคียงกัน เดินทางง่ายๆ ไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เวลาที่เหมาะกับการไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯ เป็นช่วงสิ้นปีหรือปีใหม่เพราะว่าเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศไม่ร้อนมาก บางวันมีแดด แต่แดดไม่แรง แต่อย่าลืมพกร่ม ยาดม และน้ำดื่มมากันด้วยนะคะ และที่สำคัญใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดเรียบร้อย ใส่รองเท้าหุ้มส้น หรือผ้าใบที่เดินสะดวกได้เลย 

โดยการเดินทาง คนที่มีรถส่วนตัวสามารถนำรถมาจอดได้ที่ท้องสนามหลวง จอดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าลานจอดรถที่สนามหลวงเต็มสามารถนำรถมาจอดได้ที่ ลานจอดรถราชนาวีสโมสร เสียค่าจอดเป็นรายชั่วโมง หากเราจอดรถ 2 ที่นี้จะสามารถเดินไปวัดระแวกใกล้เคียงได้ โดยให้เรียงดังนี้ค่ะ 

  1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร : หากจอดรถไว้ที่สนามหลวงหรือราชนาวีสโมสร สามารถเดินตรงมาที่ศาลหลักเมืองเป็นอันดับแรกได้เลยค่ะ 

โดยศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระนครใหม่โดยย้ายจากฝั่งตะวันตก มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการปรับปรุงผูกดวงชะตาศาลหลักเมือง และมีเสาต้นใหม่ ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการเปลี่ยนแปลงจากแบบศาลเป็นแบบจตุรมุข จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง 

โดยศาลหลักเมืองนี้เป็นสถานที่ที่สายมูนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องการงาน โดยภายในมีชุดดอกไม้ให้บูชาครบชุด ชุดละ 60 บาท

หลังจากไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จแล้วเราจะไปต่อกันที่วัดสระเกศหรือวัดภูเข้าทอง โดยนั่งรถตุ๊กๆไปคนละ 50 บาท 

  1. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)

วัดสระเกศเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยต่อมาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ได้ทรงมาปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบๆวัด และตั้งชื่อใหม่ว่า ”วัดสระเกศ” ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้างพระเจดีย์ “ภูเขาทอง” หรือ “บรมบรรพต” เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมาจากประเทศอินเดีย วัดสะเกศจึงเป็นวัดที่มีเจดีย์ที่สวยงามสูงสง่าอยู่กลางกรุงเทพมหานครนั่นเอง ทุกช่วงวันลอยกระทงที่วัดจะจัดงานสมโภชงานประจำปีของวัด ทางวัดจะจัดไฟสวยงามเปิดถึงเที่ยงคืน แต่ช่วงนั้นคนจะค่อนข้างเยอะ แต่ช่วงปีใหม่ก็เหมาะที่จะไปเช่นกันเพราะอากาศดีแดดไม่แรงมาก แนะนำให้เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ขอพรด้วยนะคะ 

ต่อมาเราจะเดินไปที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ห่างกันแค่ 850 เมตร สามารถเดินได้ใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น

  1. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

เป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 1 โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระวิหารขึ้นเนื่องจากให้เป็นที่ประดิษฐานของ พระศรีศากยมุนี หรือ พระโตจากวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย โดยการสร้างวัดนี้ยืดยาวถึง 3 รัชกาล มีความสวยงามทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอยู่มาก มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นอยู่หน้าวัด คือ เสาชิงช้า นับเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพ

ต่อมาเราจะเดินไปที่วัดพระแก้ว โดยจะเดินผ่านถนน บำรุงเมือง ข้ามสะพานช้างโรงสี ตรงมาจนถึงถนน กัลยาณไมตรี ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 18 นาที ระหว่างทางมีสถานที่ถ่ายรูปที่คนนิยมไปถ่ายกันคือ บริเวณข้างกระทรวงกลาโหม เป็นตึกแนววินเทจย้อนยุคสีเหลือง สวยงามมากค่ะ

  1. วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  

นับได้ว่าวัดพระแก้วเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวไทยและชาวต่างชาติ มีความเป็นมาอย่างยาวนาน 

โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ให้เป็นวัดในพระบรมหาราชวัง โดยมีพระพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือ “พระแก้วมรกต” ที่อัญเชิญมาจากประเทศลาวประดิษฐานในพระอุโบสถที่มีงานจิตรกรรมที่วิจิตรงดงาม

นอกจากนี้ภายในวัดพระแก้ยังมีอาคารสถานที่ต่างๆที่งดงาม นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติบ้านเมือง เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ทรงคุณค่ามากๆค่ะ

และเราจะเดินทางต่อไปที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โดยเราจะเดินจากวัดพระแก้วมาขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าช้าง-วัดระฆังใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที

  1. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

เดิมเป็นวัดเก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงสร้างพระราชวังใกล้ๆ และโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 มีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งมีเสียงไพเราะ จึงได้นำไปไว้ที่วัดพระแก้วและสร้างระฆังลูกใหม่ 5 ลูกเพื่อทดแทน สมัยในหลวงรัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าให้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” 

“วัดระฆัง” ผู้คนจะรู้จักกันในนาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆัง สมัยรัชกาลที่ 4-5 รวมแล้ว 20 ปี ท่านเป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความเคารพและศรัทธานับถืออย่างมากในประเทศไทย แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้วกว่า 145 ปี และท่านยังได้สร้าง  “พระสมเด็จ” เป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่ามีราคาแพงที่สุด และหายากที่สุดในวงการพระเครื่องไทย

ท่านได้ปรับปรุงพระคาถาชินบัญชรให้สมบูรณ์จากฉบับเดิมอีกด้วย

เหมาะกับการไปนั่งสมาธิ สงบจิตสงบใจมากๆค่ะ เพราะบรรยากาศดี ร่มเย็น ลมพัดตลอดเพราะวัดหันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา สายมูห้ามพลาด เหมาะกับการมาไหว้พระขอพรช่วงปีใหม่มากๆค่ะ 

วัดต่อไปเราจะไปกันที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และศาลเจ้าเกียนอันเกง โดยเราจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปนะคะ อยู่ห่างกันแค่ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที 

  1. วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร  

วัดกัลยาณมิตรสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเป็นการบริจาคที่ดินของ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ต้นสกุลกัลยาณมิตร เพื่อสร้างศาสนสถาน และถวายเป็นพระอารามหลวง โดยวัดกัลยามีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต คนจีนนิยมเรียกตามแบบจีนว่า ซำปอกง เนื่องจากระแวกนั้นสมัยก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของพระจีน สิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัดก็มีเป็นแบบจีนบ้าง 

โดยคำบอกเล่าตั้งแต่โบราณกล่าวกันว่า หากได้มากราบพระที่วัดกัลยาณมิตรจะ เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี สายมูอย่างเราต้องลองมากราบไหว้สักครั้งนะคะ

สถานที่ใกล้เคียงกัน คือ ศาลเจ้าเกียนอันเกง เป็นศาลเจ้าจีนแบบโบราณดูขลัง ส่วนมากคนมักจะไปขอพระเรื่องธุรกิจการค้าร่ำรวยเงินทอง เป็นอีกที่หนึ่งที่ควรมามากจริงๆเพราะได้รีวิวจากสายมูเยอะมาก 

ต่อมาเราจะไปกันที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร อยู่ห่างกันแค่ 1 กิโลเมตร ใครจะนั่งวินหรือเดินเอาก็ได้ค่ะ 

  1. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร 

เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกปรับปรุงมาเรื่อยๆตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสมัยที่พระเจ้าตากขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้เป็นวัดอารามหลวงเพราะอยู่ใกล้วัง และยังมีท่านอื่นๆที่คอยบูรณะมาเรื่อยๆจนถึงปัจุบัน

เมื่อพูดถึงวัดหงษ์รัตนารามในสมัยนี้แล้วนั้น ผู้คนมากมายต่างรู้จักในนามศาลพระเจ้าตากและบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตาก  ปัจจุบันมีผู้คนไปเคารพสักการะและอาบน้ำมนต์เป็นจำนวนมาก และยังสามารถนำขวดตักน้ำมนต์กลับบ้านได้ ว่ากันว่าเป็นที่ศรัทธาหมู่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และผู้มีอำนาจในบ้านเมือง เชื่อกันว่าจะช่วยในเรื่องความโชคดี ร่ำรวย และยศฐาบรรดาศักดิ์และความโด่งดังมีชื่อเสียงนั่นเอง สายมูอย่าพลาดนะคะ ปีใหม่นี้ถ้าไม่เคยไปวัดหงษ์อย่าลืมลองไปขอพรดูนะคะ 

ต่อไปจะเดินไปที่วัดอรุณห่างกันแค่ 500 เมตร เดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ 

  1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยที่ชาวต่างชาติรู้จัก โดยวัดอรุณมีพระปรางค์ที่สวยงดงามมาก เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากพระปรางค์ที่สวยงามแล้วนั้น วัดอรุณบางท่านอาจรู้จักในนาม วัดแจ้ง หรือที่รู้จักกันดีคือ “ยักษ์วัดแจ้ง” เป็นพญายักษ์ที่ยืนเฝ้าซุ้มหน้าประตูอยู่ 2 ตน

ปัจจุบันวัดอรุณเป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาตินิยมมากันมากเพราะในระแวกใกล้เคียงมีร้านให้เช่าชุดไทย สามารถใส่ชุดไทยมาถ่ายรูปที่วัดได้ ปีใหม่นี้ถ้าใครอยากมีรูปสวยๆอย่าลืมแวะมาไหว้พระ ใส่ชุดไทยเช็คอินที่วัดอรุณนะคะ 

ต่อไปวัดสุดท้าย “วัดโพธิ์” ซึ่งเราจะนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัดอรุณไปท่าเตียนและเดินไปวัดโพธิ์ค่ะ ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีเท่านั้น 

  1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) 

เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาพระเจ้าตากสินได้ทรงยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ บูรณะปฏิสังขรขึ้นใหม่ ต่อมาพระมหากษัตริย์อีกหลายพระองค์ก็บูรณะมาเรื่อยๆจนเป็นเช่นปัจจุบัน 

ภายในวัดโพธิ์ มีพระวิหารพระพุทธไสยาส หรือพระนอนองค์ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของวัดโพธิ์สู่สายตาชาวโลก มีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากที่เข้ามาชมความงาม นับว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยวัดหนึ่ง นอกจากนี้วัดโพธิ์ยังมีโรงเรียนสอนนวดและสำนักปฏิบัติธรรมของสงฆ์อีกด้วย พระปรางค์ และสถาปัตยกรรมภายในวัดต่างมีความงดงามควรค่าแก่การไปเยือนมากๆค่ะ 

หากใครมาไหว้พระ 9 วัดช่วงปีใหม่ย่านนี้แล้วอย่าลืมมากราบพระที่วัดโพธิ์กันนะคะ รับรองว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจหายเหนื่อยก่อนกลับบ้านแน่นอนค่ะ 

ไหว้พระที่วัดโพธิ์เสร็จก็เดินไปที่จอดรถของเราใกล้ๆได้เลย ถ้าใครเดินไม่ไหวแล้วเรียกรถตุ๊กๆไปส่งก็ได้นะคะ … จบปทริปไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯแล้วค่ะ 

ปีใหม่นี้เมื่อได้มาไหว้พระ 9 วัดแล้ว รับรองว่าได้บุญ ได้ความสบายใจ และได้กำลังใจกลับไปทำงานอย่างแน่นอน 

วันหยุดยาวปีใหม่นี้หาเวลาไปพักผ่อน ไหว้พระ ทำบุญแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดบ้านรับปีใหม่กันนะคะ ได้บุญแล้วบ้านต้องสะอาดนะคะ จะได้ปังสุดๆกันไปเลย แนะนำให้จ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมงเข้าไปทำความสะอาด ราคาเบาๆจองง่ายมาก เอาเวลาที่ต้องทำความสะอาดบ้านเองไปพักผ่อนวันในวันปีใหม่ดีกว่าค่ะ 

หากสนใจจ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมงสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bluuu Price เราบริการแม่บ้านรายชั่วโมงในกรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการและนนทบุรี 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Uthaiwan B.